กำหนดฉาย 22 พฤศจิกายน 2550
ประเภทภาพยนตร์ รักโรแมนติก
สร้างและจัดจำหน่ายโดย
กำกับภาพยนตร์ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
ควบคุมการสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว , สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์
บทภาพยนตร์ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล กำกับภาพ จิตติ เอื้อนรการกิจ
ออกแบบงานสร้าง มนต์ชัย ทองศรีสืบสกุล
กำกับศิลป์ ธนกร บุญลือ
ออกแบบเครี่องแต่งกาย เอกศิษฎ์ มีประเสริฐสกุล
แต่งหน้า สาริน สุขขะพละ
โลเคชั่น วราภรณ์ พิบำรุง , วราวุธ ปัญจพลากรกุล
ดนตรีประกอบ ปวิณ สุวรรณชีพ
นักแสดง สินจัย เปล่งพานิช , เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ , ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, มาริโอ้ เมาเร่อ , วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงศ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์, อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน
เรื่องย่อ รักแห่งสยาม
” โต้ง “( มาริโอ้ เมาเร่อ) เด็กชาย ม. 6 หน้าตาดี มีแฟนสวยเสียจนเพื่อนๆ และผู้ชายทั้งสยาม สแควร์จะต้องอิจฉา แต่ใครเลยจะรู้ว่าความสดใสและน่ารักของ ” โดนัท “( อธิชา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) สำหรับโต้ง เริ่มจะกินไม่ได้เสียแล้ว โต้งเริ่มตีตัวออกห่างโดนัทและเริ่มค้นหาคำตอบให้กับชีวิตตัวเอง
ในขณะที่ ” มิว ” (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล) เด็กชายวัยเดียวกันผู้มีพรสวรรค์ทางดนตรีก็กำลังทุ่มเทความรักให้กับเสียงเพลงและวงดนตรีของตัวเอง มิวเป็นเด็กผู้ชายขี้เหงาที่ไม่เคยได้สัมผัสกับความรักมานานแสนนาน ตั้งแต่อาม่าตายจากไป ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากเหลือเกินสำหรับโจทย์ ” เพลงรัก ” ที่มิวต้องแต่งให้กับ “วงออกัส” เพื่อนำไปเสนอกับค่ายเพลงใหญ่ ….ในเวลาเดียวกับที่ ” หญิง “(กัญญา รัตนเพชร์) ดูหนังออนไลน์ฟรี เพื่อนบ้านของมิวก็คอยให้กำลังใจและแอบมองมิวอยู่ห่างๆ แต่มิวก็ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกที่หญิงมีต่อตัวเองเลย
….และแล้ววันหนึ่ง สยาม ก็เป็นที่ที่ทำโต้งและมิวก็ได้เจอกันอีกครั้ง หลังจากที่ขาดการติดต่อกันมานานตั้งแต่โต้งย้ายบ้านไปตอนเด็ก มิวแนะนำโต้งให้รู้จักกับ จูน (พลอย เฌอมาลย์) คนดูแลวงดนตรีของมิวที่หน้าตาเหมือนกับ แตง พี่สาวของโต้งที่หายตัวไปสมัยที่เขายังเด็ก โต้งจึงคิดแผนให้แม่ ” สุนีย์ ” (สินจัยเปล่งพานิช ) จ้างจูนปลอมตัวเป็นแตงเพื่อมารักษาอาการติดเหล้าให้กับพ่อ ” กร ” (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) การเข้ามาของจูนทำให้ครอบครัวโต้งดีขึ้น ในขณะที่เพลงรักของมิวก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ความฝันของวงออกัสที่จะได้ออกอัลบั้มเริ่มใกล้เข้ามาทุกที แต่แล้วมิวก็หายตัวไปในวันออดิชั่น สร้างความเสียหายให้กับวง จนพี่อ๊อดโปรดิวเซอร์ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนนักร้องนำ
และแล้ววันคริสมาสก็ใกล้เข้ามา คอนเสิร์ตใหญ่ที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า วงออกัสจะได้เปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก มิวจะตัดสินใจอย่างไร แล้วใครจะเป็นผู้จับไมค์ร้องเพลงรักที่มิวเขียนขึ้น
เตรียมพบกับเรื่องราวหลากความรัก ของหลายชีวิต ที่ถูกโยงใยโดยมิตรภาพ และถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลงรักที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับช่วงเวลาอบอุ่น ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
นิยามรักในแบบของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล – ที่มาของหนัง
ราอาจจะเคยได้ยินนิยามรักมานับร้อยนับพัน แต่จะมีนิยามไหนเล่าที่มีความสุขได้เท่านิยามรักของผู้ชายคนนี้ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับที่อาจจะกำลังทำให้ความรักของใครหลายคนเต็มไปด้วยความหวังตลอดไป กับภาพยนตร์รักโรแมนติก ที่เชื่อกันว่ามีบทที่ดีที่สุด และเต็มไปด้วยเรื่องราวความรักที่สามารถเกิดขึ้นจริงได้กับทุกคน
” รักแห่งสยาม” เป็นภาพยนตร์ที่ว่าด้วยความรักที่เกิดขึ้นกับหลายชีวิต หลายกลุ่มคน ที่เกาะเกี่ยวและโยงใยกันอยู่ในรูปแบบของความรักที่แตกต่าง ด้วยแรงปรารถนาแห่งรักที่ถูกบ่มเพาะมานานกว่า 4 ปีเต็มของผู้กำกับคนนี้ ถูกขัดเกลาจนกลายเป็นบทภาพยนตร์รักชั้นดี
” รู้สึกว่าอยากทำหนังรักเรื่องหนึ่งที่มันไม่ใช่หนังรักแบบทั่ว ๆ ไป มุมมองความรักในแบบของเราคือ ความรักมันสำคัญกับชีวิตของเรายังไงมากกว่า ถ้าเราไม่กินข้าวเราตาย แต่ไม่มีความรักเราอยู่ได้ แต่ชีวิตจะเป็นยังไงถ้าไม่มีความรักเลย นี่คือไอเดียแรกที่เราอยากจะทำหนังรักเรื่องหนึ่งที่พูดถึงความสำคัญของรักต่อการมีชีวิต ก็เลยเริ่มเขียนบทรวบรวมเรื่องราวของคนที่ผ่านเข้ามา คนที่เราเคยเจอในความทรงจำ ก็ค่อยๆเขียนค่อยๆขัดเกลาใช้เวลาเรียนรู้อะไรประมาณหนึ่งถึงจะเข้าใจอะไรบางอย่างจนได้เป็นบทหนัง ซึ่งก็ใช้เวลานานเหมือนกัน เพราะเราก็เขียนไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่หนังยังไม่สร้าง มันก็จะมีเรื่องราวใหม่ๆ เข้ามาอีก “
ไอเดียแรกแห่งรักของมะเดี่ยวถูกพัฒนาขึ้นไปพร้อมๆกับภาพในหัวที่อบอวลไปด้วยความรักในรูปแบบต่างๆ และเรื่องราวส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นที่นี่แห่งนี้ ‘ สยามสแควร์’ ซึ่งจะกลายเป็นฉากหลักในเรื่อง “รักแห่งสยาม”
” ทำไมต้องรักแห่งสยาม หลายๆ คนจะเข้าใจว่าเป็นหนังโบราณรึเปล่าสยามประเทศ แต่รักแห่งสยามของเราคือสยามสแควร์นี้เอง เหตุที่เป็นสยามสแควร์เพราะว่าตอนที่เราเริ่มเขียนบท ตอนนั้นจริงๆ เราเพิ่งอยู่มหา’ ลัย อยู่จุฬา แล้วสยามก็เป็นที่ที่ไปประจำ แล้วก็ได้พบเห็นคู่รักมากมาย วัยรุ่นมากมายเต็มไปหมด แม้กระทั่งคนวัยทำงาน คนมีครอบครัวแล้วเค้าก็เดินสยาม มันเป็นสถานที่ในความทรงจำของหลายๆ คน เช่นเดียวกับตัวละครทั้งหลายในเรื่องนี้ เค้าพบรักกันที่สยาม เค้าอาจจะเลิกกันที่สยาม ไปเที่ยวกันที่สยาม เคยหัวเราะเคยร้องไห้ เคยมีความสุขกันในสยาม รู้สึกว่าสยามมันคลาสสิค แล้วมันก็ไม่ได้ถูกบอกเล่าในหนังไทยมานานแล้ว ดังนั้นก็เลยใช้สยามเป็นฉากหลังของหนังเรื่องนี้ ซึ่งสยามก็กลายเป็นที่ที่ตัวละครในเรื่องหลายๆ ตัวมาเจอกัน และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย”
เมื่อตัวหนังสือในบทภาพยนตร์ถูกพัฒนาจนกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวบนแผ่นฟิล์ม ความหวังของผู้กำกับที่จะได้เห็นความทรงจำในสยามสแควร์ก็เริ่มใกล้เข้ามาทุกที และแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย เมื่อลมหนาวและสีสันของเทศกาลคริสมาสต์เข้ามาปกคลุมและเพลง Silent Night ก็ถูกบรรเลงอย่างครื้นเครงไปทั่วสยาม
” ในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ จะเป็นช่วงฤดูหนาว ช่วงคริสมาสต์ปีใหม่ บรรยากาศและการตกแต่งตึกรามบ้านช่องร้านค้าต่างๆ ก็จะประดับประดาไปด้วยไฟและสีสันของวันคริสมาสต์ ก็จะเป็นฉากที่สวยงามอารมณ์หนาวๆ ที่เราจะได้เห็นในสยาม ซึ่งก็ต้องถ่ายในช่วงนั้นจริงๆ เพราะเราต้องการฉากหลังแบบนั้น”
การปักหลักถ่ายทำภาพยนตร์กันที่กลางใจเมืองที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาอย่างสยามสแควร์ เห็นจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการควบคุมปัจจัยภายนอกและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งความชุลมุนวุ่นวายของผู้คนมากมายที่แวะเวียนผ่านเข้ามาทำกิจกรรมในสยาม บ้างก็เดินผ่าน บ้างก็มุงดู บวกกับสภาพของเสียงรบกวนต่างๆ รอบด้านที่ ทำให้การถ่ายทำค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบาก
” สำหรับการทำงานที่สยามสแควร์ ก็ค่อนข้างยากเพราะว่าเราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ เป็นที่ที่คนจากทุกสารทิศจะแห่แหนกันมาช็อปปิ้ง มาเดินเล่น ซึ่งก็ยากที่จะควบคุม แต่ว่าเราก็ซื้อเพราะว่ามันมีความสับสนอยู่ในนั้น มันมีความเคลื่อนไหวมีคนเดินไปเดินมาตลอด ซึ่งถือว่ามันเป็นสีสัน แต่มันก็ยากที่จะควบคุมคน ยากที่จะบล็อกคนไม่ให้มาเดิน ซึ่งเราก็จะเจอทั้งคนที่ไม่ให้ความร่วมมือและคนให้ความร่วมมือดีๆ อย่างเช่นร้านพี่เปี๊ยก ดีเจสยาม เค้าก็สนับสนุนให้มาใช้ร้านเค้าถ่ายทำได้ และก็มีอีกหลายร้าน
และซีนที่ยากๆ อีกซีนหนึ่งก็คือซีนที่ลานน้ำพุเซ็นเตอร์พอยต์เลย ซีนนั้นเป็นซีนอารมณ์ของมาริโอ้กับเบสท์ที่บอกเลิกกันที่สยาม แล้วลำบากมาก เสียงดังจากจอเช็คเกอร์สกรีนหน้าเซ็นเตอร์พอยต์ ทั้งทีมงานและนักแสดงไม่มีสมาธิเลย เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลา Prime Time ช่วง 6 โมง- ทุ่มหนึ่ง คนก็เยอะมาก แห่มามุงดู นักแสดงก็ต้องทำงานหนักมากเพื่อจะรักษาสมาธิให้จนหมดซีน ก็ถือว่าเป็นซีนที่เหนื่อยจริงๆ เหนื่อยแต่ก็คุ้ม”
… เพลงรัก… ถ้าไม่รักก็เขียนไม่ได้
นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้เห็นคนเขียนหนังทำหน้าที่เดียวกับคนเขียนเพลง นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้เห็นหนังดีๆ ที่ใช้บทเพลงในการตีแผ่ความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวตั้งแต่ต้นจนจบ และนานเท่าไหร่แล้วที่เพลงรักไม่ได้ถูกพูดถึงในภาพยนตร์ไทยเท่าที่ควร
Proudly powered byWordPress. Theme byWeblizar.